เครื่องมือตั้งชื่อแบรนด์

เครื่องมือตั้งชื่อแบรนด์ฟรีจาก Business Name Generator

การสร้างแบรนด์แบรนด์นึงขึ้นมาได้ ต้องเริ่มตั้งแต่การสร้างเป้าหมายของแบรนด์ สำรวจว่าตลาดที่ต้องการโปรโมทเป็นอย่างไร ลูกค้ากลุ่มเป้าหมายคือใคร เพื่อที่จะได้ออกแบบผลิตภัณฑ์และบริการให้เข้ากับความต้องการของพวกเขาได้ รวมไปถึงการตั้งชื่อแบรนด์ในขั้นตอนแรก ๆ ด้วย ซึ่งคุณสามารถเรียนรู้ได้จากแบรนด์ที่มีชื่อเสียง

โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมเดียวกัน เพื่อดูว่าพวกเขามีที่มาในการตั้งชื่ออย่างไร และกลยุทธ์ในด้านการตลาดของพวกเขาเป็นอย่างไรบ้าง เบื้องหลังความสำเร็จของเขาคืออะไร และพวกเขาผ่านอุปสรรคอะไรมาบ้าง เพื่อนำมาปรับใช้กับแบรนด์ของคุณได้ในอนาคต 

โดยชื่อแบรนด์ที่ดี นอกจากควรที่จะเกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์หรือบริการของคุณแล้ว ยังควรมีความหมายที่สื่อถึงธุรกิจของคุณในเชิงลึกได้ เพื่อให้มีความแตกต่างและโดดเด่นไปจากคู่แข่ง ไม่เป็นที่สับสนกับแบรนด์อื่น และควรเป็นชื่อที่ออกเสียงได้ง่ายและจำได้ง่ายอีกด้วย ข้อสำคัญสำหรับการตั้งชื่อแบรนด์เป็นภาษาอังกฤษก็คือ ตรวจสอบเพิ่มเติมด้วยว่าความหมายของคำเหล่านั้นแปลว่าอะไร มีความหมายอื่นในภาษาอื่นด้วยหรือไม่

วิธีตั้งชื่อแบรนด์ด้วยเครื่องมือตั้งชื่อแบรนด์จาก Business Name Generator

1. ค้นหาคำที่เกี่ยวข้องกับแบรนด์ของคุณ

การตั้งชื่อแบรนด์มักเริ่มจากการสร้างรายการคำที่เกี่ยวข้องกับแบรนด์ของคุณก่อน รวมทั้งคำศัพท์ที่คุณชอบความหมายด้วย โดยหาได้จากการค้นหาเพิ่มเติม รวมทั้งหาคำที่เป็นคำพ้องความหมาย เพื่อที่จะได้มีตัวเลือกสำหรับนำไปตั้งชื่อที่แตกต่างกันกับแบรนด์ได้มากขึ้นด้วย ในกรณีที่ชื่อแบรนด์นั้น ๆ มีคนนำไปใช้แล้ว และเมื่อได้รายการคำมาจำนวนหนึ่งแล้ว ก็ควรนำไปตรวจสอบเพิ่มเติมด้วยว่าคำศัพท์นั้นมีความหมายอื่นในภาษาอื่นหรือไม่ 

เพื่อระวังการใช้คำศัพท์ที่มีความหมายในเชิงลบในภาษาอื่น ซึ่งคุณสามารถเช็คแบบออนไลน์ได้จากเว็บไซต์พจนานุกรมที่มีความน่าเชื่อถือ และมีการบอกความหมายในหลายภาษาในเวลาเดียวกัน ตัวอย่างเช่น dict.longdo.com เพื่อที่จะได้ตัดตัวเลือกของคำเหล่านั้นออก

2. นำรายการคีย์เวิร์ดที่เตรียมไว้มาตั้งเป็นชื่อแบรนด์ของคุณ

เมื่อคุณได้รายการคำมาจำนวนหนึ่งแล้ว ก็ลองนำมาผสมคำกันเพื่อให้ได้ออกมาเป็นชื่อแบรนด์ ซึ่งคุณสามารถใช้เครื่องมือตั้งชื่อแบรนด์ของเราเป็นตัวช่วยได้ ง่าย ๆ เพียงแค่ใส่คำศัพท์ที่คุณชอบลงไปในเครื่องมือแล้วคลิกสร้าง จากนั้นระบบก็จะนำเสนอชื่อแบรนด์หลากหลายรายการให้คุณได้เลือกชม

3. ตรวจสอบชื่อโดเมนที่ยังว่าง

และเมื่อได้รายการชื่อแบรนด์มาจำนวนหนึ่งแล้ว ก็ลองนำมาพิจารณาดูว่าชื่อไหนที่ควรเก็บไหน และชื่อไหนที่ควรตัดทิ้ง เพราะยังไม่ตอบโจทย์ตามเป้าหมายของแบรนด์ได้ หากคุณใช้เครื่องมือตั้งชื่อแบรนด์ของเรา คุณจะสามารถตรวจสอบได้เลยว่า ชื่อโดเมนตามชื่อแบรนด์นั้นภายใต้นามสกุลเว็บไซต์ใดบ้างที่ยังว่างอยู่ 

พร้อมตรวจสอบเว็บไซต์ที่มีคนจดโดเมนแล้วว่ามีการพัฒนาเป็นเว็บไซต์จริงแล้วหรือยัง 

หรือเป็นเพียงแค่การจดโดเมนไว้สำหรับขายต่อเฉย ๆ ซึ่งคุณสามารถติดต่อเพื่อขอซื้อชื่อโดเมนนั้นได้ หากคุณต้องการใช้ชื่อนั้นสำหรับพัฒนาเป็นแบรนด์เว็บไซต์ของคุณจริง ๆ

และเมื่อคุณตัดตัวเลือกออกไปได้จำนวนหนึ่งแล้ว ก็นำชื่อเหล่านั้นไปสอบถามความเห็นเพิ่มเติมจากกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย เพื่อสำรวจดูว่าพวกเขาชอบชื่อไหนมากที่สุด และเพราะอะไรเขาถึงชอบชื่อเหล่านั้น นำความเห็นเหล่านั้นมาพิจารณาเพื่อดูว่าชื่อไหนคือชื่อที่เหมาะสมที่สุดสำหรับนำมาตั้งเป็นชื่อแบรนด์ของคุณ หลังจากที่คุณได้ข้อสรุปแล้วว่าจะใช้ชื่อไหนเป็นชื่อแบรนด์ของคุณดี ก็นำชื่อนั้นไปจดทะเบียนโดเมนเพื่อพัฒนาเว็บไซต์ของแบรนด์ในขั้นตอนต่อไป

เคล็ดลับในการตั้งชื่อแบรนด์

1. สร้างแบรนด์ที่แข็งแกร่ง

การสร้างแบรนด์เปรียบได้กับการให้คำมั่นสัญญากับลูกค้าของคุณว่า พวกเขาจะสามารถไว้วางใจในตัวสินค้าและบริการจากแบรนด์ของพวกเขาได้ ซึ่งไม่ใช่แค่ในแง่ของคุณภาพสินค้าและบริการเท่านั้น แต่หมายถึงการให้บริการโดยรวม ทั้งจิตใจของการให้บริการสำหรับงานบริการ และการขนส่งสินค้าที่รวดเร็วและมีประสิทธิภาพสำหรับแบรนด์ที่ขายผลิตภัณฑ์ด้วย

โดยแบรนด์ที่แข็งแกร่งเป็นแบรนด์ที่ทำให้คนรู้ว่าบริษัทนี้ต้องการที่จะนำเสนออะไร มีความโดดเด่นอย่างไร อะไรคือเอกลักษณ์ของแบรนด์ที่ทำให้พวกเขาน่าสนใจและแตกต่างไปจากธุรกิจอื่นในอุตสาหกรรมเดียวกัน โดยงานสร้างแบรนด์เป็นงานในระยะยาว ต้องได้รับการบ่มเพาะตามกาลเวลา ลองผิดลองถูก และผ่านการปรับปรุงให้ดีขึ้นอยู่ตลอด ผ่านการมอบประสบการณ์และความประทับใจให้กับลูกค้าอย่างสม่ำเสมอ เพื่อสร้างกลุ่มลูกค้าที่จะกลับมาซื้อสินค้าหรือใช้บริการของคุณซ้ำอีกครั้ง

2. สร้างจุดยืนให้กับแบรนด์

เนื่องจากตลาดในปัจจุบันนั้นมีขนาดใหญ่และหลากหลายมาก แบรนด์จึงต้องสร้างจุดยืนให้กับธุรกิจตัวเอง เพื่อสร้างแบรนด์ของตัวเองขึ้นมาให้เท่าเทียมกับแบรนด์อื่น ๆ ได้ การศึกษาเกี่ยวกับธุรกิจอื่นในอุตสาหกรรมเดียวกันว่ามีความคล้ายหรือความแตกต่างอย่างไรบ้าง เพื่อนำมาพัฒนากลยุทธ์ทางการตลาดของแบรนด์ให้ดียิ่งขึ้น หากคุณสามารถสร้างจุดยืนให้กับแบรนด์ได้เป้าหมายได้ง่ายขึ้น

ศึกษาเทรนด์ด้านการตลาดในอุตสาหกรรมของคุณ จากข่าวสารตามเว็บไซต์หรือสื่ออื่น ๆ ที่มีความน่าเชื่อถือ ว่าธุรกิจนอุตสาหกรรมของคุณมีการเปลี่ยนแปลงอย่างไรบ้าง ธุรกิจควรปรับตัวอย่างไร เมื่อมีวิกฤตเกิดขึ้น เพื่อให้ธุรกิจสามารถดำเนินต่อไปได้อย่างยั่งยืน ตัวอย่างเช่น ถ้ากลุ่มลูกค้าของคุณบริโภคอาหารออร์แกนิก คุณอาจจะทำบทความแชร์สูตรอาหารเพื่อสุขภาพเพื่อดึงคนเข้ามาอ่านบทความในเว็บไซต์ของคุณได้ ทำการวิเคราะห์ว่ากลุ่มลูกค้าเป้าหมายของคุณมีความสนใจในด้านใดบ้าง และแบรนด์ลักษณะไหนที่เขาชอบ ด้วยเหตุผลอะไร

อย่างจุดยืนของดิสนีย์ก็คือความสดใสและโลกแห่งจินตนาการที่สวยงาม เวลาที่เรานึกถึงดิสนีย์ ก็จะนึกถึงอนิเมชั่นสนุก ๆ และการ์ตูนจากเทพนิยายที่ใคร ๆ ก็รู้จัก โดยมีเด็ก ๆ เป็นกลุ่มเป้าหมาย ทว่าก็ทำให้หัวใจแห่งวัยเยาว์ของผู้ใหญ่ที่ซ่อนอยู่ได้มีชีวิตชีวาขึ้นมาอีกครั้ง การทำโลโก้ให้น่าสนใจ ไม่น่าเบื่อ และฟอนต์ที่มีสีสันสดใส จึงจำเป็นสำหรับการเจาะลูกค้าในกลุ่มเป้าหมายนี้

3.สร้างเอกลักษณ์ให้กับแบรนด์และท่องไว้ให้ขึ้นใจ

เอกลักษณ์ของแบรนด์คือสิ่งที่องค์กรนั้น ๆ ได้แสดงตัวตนออกมา และสร้างความแตกต่างให้กับแบรนด์ และเป็นสิ่งที่ผู้บริโภคนึกถึง เมื่อพวกเขาคิดถึงแบรนด์ของคุณ ตัวอย่างเช่น แบรนด์เสื้อผ้า Descended from Odin จากประเทศอังกฤษที่ก่อตั้งขึ้นเมื่อปีค.ศ 2017 จากความหลงใหลในประวัติศาสตร์ ตำนาน และธรรมชาติ จนรังสรรค์ออกมาเป็นเสื้อผ้าและผลิตภัณฑ์อื่น ๆ ที่มีคุณภาพสูง โดยเน้นวัสดุจากธรรมชาติ และหลีกเลี่ยงการใช้พสาสติก 

แบรนด์เลือกใช้ชื่อ Odin เพื่อรำลึกถึงกษัตริย์ Norse และ Anglo Saxon ที่หล่อหลอมประเทศบ้านเกิดให้เป็นรูปเป็นร่างอย่างในปัจจุบัน พวกเขาต้องการเชื่อมโยงระหว่างประวัติศาสตร์และธรรมชาติเข้าไว้ด้วยกัน ถึงแม้ว่าสองสิ่งนี้มักจะถูกแยกออกจากกัน พวกเขาตั้งชื่อตามความหลงใหลและสร้างตัวตนแบรนด์ขึ้นมาได้อย่างแตกต่างและน่าสนใจ

พวกเขาสร้างแคมเปญการตลาดโดยให้เบน มัดจ์เป็นพรีเซนเตอร์ ซึ่งผู้คนรู้จักเขาเป็นอย่างดี จากการเป็นเทรนเนอร์ที่สร้างแรงบันดาลใจจากการสู้กับโรคทางพันธุกรรม Cystic Fibrosis โดยแบรนด์ต้องการชี้ให้เห็นถึงความสำคัญของความแข็งแกร่งทั้งกายและใจ เมื่อต้องเผชิญกับความทุกข์ เอกลักษณ์ของแบรนด์นั้นไม่ใช่แค่ชื่อ แต่ยังรวมถึงเรื่องราวเบื้องหลัง ความใส่ใจในเรื่องของเครื่องหมายการค้า สี โลโก้ และสโลแกนของแบรนด์ด้วย

4. วางแผนภาพลักษณ์ของแบรนด์

ภาพลักษณ์ของแบรนด์คือสิ่งที่จะสามารถสร้างความประทับใจเกี่ยวกับแบรนด์ให้กับลูกค้าได้ ซึ่งประกอบไปด้วย 3 สิ่งหลัก ได้แก่ โลโก้ของแบรนด์ สโลแกนที่สามารถบ่งบอกถึงคุณค่าที่แบรนด์ให้ความสำคัญ และสร้างภาพลักษณ์ให้้เป็นที่จดจำผ่านการโปรโมทแบรนด์ในรูปแบบต่าง ๆ รวมทั้งเว็บไซต์ที่เป็นเครื่องมือที่สำคัญในการโปรโมทธุรกิจออนไลน์ด้วย เมื่อประกอบกันออกมาเป็นภาพรวมแล้ว คืออัตลักษณ์ของแบรนด์ที่ผู้คนนึกถึงเพื่อพูดถึงแบรนด์ของคุณ ตัวอย่างเช่น Apple ที่มีนวัตกรรมเปรียบดั่งสัญลักษณ์ของแบรนด์

จะเห็นได้ว่าการจะสร้างแบรนด์แบรนด์หนึ่งให้ประสบความสำเร็จได้นั้น มีอะไรมากกว่าชื่อที่สั้นและจดจำได้ง่าย แต่ชื่อนั้นควรมีความหมายและสื่อถึงจุดยืนของแบรนด์ได้ด้วย และนอกไปจากชื่อแบรนด์ที่น่าสนใจแล้ว แบรนด์จะประสบความสำเร็จได้ ก็ต้องประกอบไปด้วย สินค้าและบริการที่มีประสิทธิภาพ กลยุทธ์ทางการตลาดที่สอดคล้องกับความต้องการของผู้บริโภค 

รวมทั้งการสร้างอัตลักษณ์ของแบรนด์ที่สร้างกลุ่มลูกค้าที่กลับมาบริโภคสินค้าและใช้บริการของคุณซ้ำอีก เพื่อความยั่งยืนของแบรนด์ในระยะยาว โดยทั้งหมดนี้ต้องใช้ทั้งความคิดสร้างสรรค์ ความทุ่มเทของแบรนด์ และการบริหารจัดการที่ให้ความสำคัญกับลูกค้าเป็นที่หนึ่ง จนสามารถทำแบรนด์ให้ติดตลาด และยังต้องคอยออกกลยุทธ์ใหม่ ๆ ออกมา เพื่อดึงดูดลูกค้าเก่าให้กลับมาใช้บริการซ้ำ และดึงลูกค้าใหม่เข้ามาเพื่อเพิ่มฐานลูกค้าให้ใหญ่ขึ้นด้วย

เครื่องมือตั้งชื่อแบรนด์ของเราจะช่วยคุณในการคิดค้นชื่อแบรนด์ที่หลากหลาย ผ่านการสร้างคำและผสมคำออกมาเป็นชื่อแบรนด์ให้คุณได้นำไปพิจารณา ว่าชื่อไหนที่มีความน่าสนใจและสามารถสร้างอัตลักษณ์ให้กับแบรนด์ได้อย่างยั่งยืน หากคุณกดชื่อที่คุณสนใจแล้วพบว่ายังไม่มีใครจดทะเบียนชื่อโดเมน ก็สามารถเลือกนามสกุลเว็บไซต์เพื่อจดทะเบียนสำหรับพัฒนาเว็บไซต์ต่อได้เลย อย่างไรก็ตาม คุณควรตรวจสอบกับเว็บไซต์ทางการของกรมทรัพย์สินทางปัญญาก่อนว่า มีคนนำชื่อนั้นไปจดทะเบียนเครื่องหมายทางการค้าแล้วหรือยัง เพื่อที่จะได้มั่นใจได้จริง ๆ ว่าชื่อนั้นยังไม่มีคนนำไปใช้จริง ๆ